ต้นกำเนิดสุนัข

สุนัขมีต้นกำเนิดมาจากสุนัขป่าโดยมนุษย์แถบขั้วโลกเหนือนำมาเลี้ยงเมื่อ 12,000 ปีมาแล้ว เชื่อกันว่าสุนัขป่าตัวแรกเกิดขึ้นเมื่อ 100 ล้านปีที่แล้ว สมัยแรกเริ่มก็ไม่ได้มีหน้าตาเหมือนสุนัขในปัจจุบันนี้ และกว่าจะพัฒนามาจนมีหน้าตาเหมือนปัจจุบัน ก็ต้องใช้เวลาระยะเวลานานพอสมควรกว่าที่เราจะได้รู้จักสุนัขที่หน้าตาเหมือนสุนัขในปัจจุบันนี้จากรูปภาพโบราณอายุประมาณ 12,000 - 14,000 ปี ในยุโรป

มนุษย์และสุนัขเริ่มรู้จักกันในตอนปลายสมัยของสมัยยุคหินต้น และมาคบหาสนิทสนมถึงกับอยู่บ้านเดียวกัน กินอยู่หลับนอนด้วยกันในตอนแรกของสมัยยุคหินปลายซึ่งนับเป็นเวลาก็ตกระหว่างสี่หมื่นถึงหกหมื่นปีมาแล้ว สุนัขเริ่มมารู้จักคน จนในที่สุดถึงคบหามาเป็นมิตรกันจนทุกวันนี้ เป็นหมาป่าพันธุ์หนึ่งมีชื่อสกุลเป็นภาษาละตินว่า Conis Auseus แปลเป็นไทยว่าสุนัขทอง เพราะมีขนยาวเป็นสีทองเหลืองอร่ามไปทั้งตัว

พันธุ์สุนัขทองนี้เรียกได้ว่าเป็นต้นตระกูลสุนัขที่เราเลี้ยงกันอยู่ทุกวันนี้ ต่อมามีสุนัขป่าอีกพันธุ์หนึ่งที่มนุษย์นำมาเลี้ยงมีชื่อละตินว่า Conis Lupees แปลว่าสุนัขป่า สุนัขชนิดนี้เชื่องกว่า มีขนยาว หางเป็นแผง หูตั้ง กระดูกแก้มโหนก และหางจะเอนขึ้นข้างบน มีนิสัยชอบรักอิสระกว่าสุนัขทอง สุนัขป่านี้เมื่อมาอยู่กับคนก็ผสมพันธุ์กับสุนัขทองออกลูกหลานสืบมาเป็นสุนัขพันธุ์ต่างๆมากมายแต่พันธุ์สุนัขทุกวันนี้ได้รับเชื้อสายมาจากสุนัขทองเกือบทั้งสิ้น

การค้นคว้าวิจัยและศึกษาเรื่องราวของสุนัขได้มีขึ้นก่อนในประเทศอังกฤษ ในแถบยุโรปและอเมริกา แล้วจึงขยายและแพร่หลายไปในส่วนต่าง ๆ ของโลก ในประเทศสหรัฐอเมริกาได้มีการจัดตั้งเป็นสมาคมผู้เลี้ยงสุนัขขึ้นในปี ค.ศ. 1878 สุนัขพันธุ์แท้ชนิดแรกที่ได้จดทะเบียนในอเมริกาคือ สุนัขพันธุ์อิงลิซเซทเตอร์ ( English Setter ) ในประเทศอังกฤษได้มีการรวบรวมกันตั้งสมาคมผู้เลี้ยงสุนัขขึ้นในปี ค.ศ. 1859 ในครั้งแรกสมาคมนี้ได้รับรองสุนัขพันธุ์แท้ให้จดทะเบียนได้ 40 สายพันธุ์ และได้จัดวิธีการรับรองสุนัขพันธุ์ต่าง ๆ เพื่อความเหมาะสมถึง 2 ครั้ง ในปี ค.ศ. 1881 สมาคมนี้ได้ให้การรับรองพันธุ์แท้ต่าง ๆ รวมแล้วเป็นจำนวน 46 พันธุ์ และการแก้ไขเพิ่มเติมการรับรองเป็นสุนัขพันธุ์แท้เป็นครั้งสุดท้าย เมื่อปี ค.ศ.1974 ได้มีสุนัขที่ให้การรับรองทั้งหมด 100 สายพันธ์ุ

นักวิทยาศาสตร์คาดว่าต้นกำเนิดของสุนัขน่าจะมาจากการผสมข้ามพันธุ์ระหว่างสุนัขจิ้งจอกและสุนัขป่าเพราะ ความเฉลียวฉลาด มีความสามารถรอบตัว รู้จักการเอาตัวรอด การเข้าสังคมกับฝูง การปรับตัวเข้าสังคมกับคน และการเป็นสัตว์สังคมของมันนี่เองที่ทำให้มนุษย์นำมันมาเลี้ยงเพื่อใช้งานในแบบต่างๆ ในยุคเริ่มแรก จนแพร่่หลายไปทั่วโลก และการอพยพข้ามถิ่นและทวีปต่างๆ ทำให้มีสุนัขหลายสายพันธุ์ เพื่อประโยชน์ต่างๆ ของมนุษย์โดยแบ่งออกเป็น สุนัขใช้งานในหลายรูปแบบแตกต่างกันไป จนปัจจุบันมนุษย์เลี้ยงไว้เป็นเพื่อนเนื่องจากความแสนรู้ของมัน

การบูชาสุนัขเป็นเทพเจ้ายุคอียิปต์โบราณ ในอดีตนั้น “ANUBIS” ซึ่งเป็นชื่อของเทพเจ้าที่ตัวเป็นคนหัวเป็นสุนัข เชื่อกันว่าสามารถส่งวิญญาณมนุษย์ได้เมื่อราว 2,800 ปีมาแล้ว และในประเทศจีน ชาวจีนมีความเชื่อว่าสุนัขที่ชื่อ “Fu “มีความซื่อสัตย์และนำความเจริญมาให้โดยมีลักษณะคล้ายสุนัขพันธุ์ปักกิ่ง

สำหรับในประเทศไทย ได้มีผู้สนใจการเลี้ยงสุนัขร่วมกันจัดตั้งสมาคมขึ้นเช่นเดียวกัน โดยมีความปรารถนาที่จะส่งเสริมบำรุงและอำนวยประโยชน์ให้แก่ผู้เลี้ยงสุนัขเช่นเดียวกับนานาประเทศ โดยใช้ชื่อว่า สมาคมผู้นิยมสุนัขแห่งประเทศไทย ได้จดทะเบียนตั้งสมาคมเมื่อปี พ.ศ. 2498 นับว่าเป็นการวางรากฐานการเลี้ยงสุนัขขึ้นในประเทศไทยเป็นแห่งแรก และตั้งใจที่จะให้เป็นประโยชน์แก่ผู้เลี้ยงสุนัขในประเทศไทยได้เช่นเดียวกับต่างประเทศ (หมาหลังอาน : ปรีชา เพ็ญเจริญรุ่ง)

Pin It on Pinterest