คอลลาเจน

คอลลาเจนสำหรับสุนัขและแมว

ผลิตจากปลาในทะเลน้ำลึก ประเทศนอร์เวย์ เหมาะสำหรับสุนัขทุกพันธุ์ที่ต้องการบำรุงขน ผิวหนัง และข้อต่อ รวมถึงเสริมสร้างความแข็งแรงของกระดูกอ่อนและหลอดเลือด

Collagen เป็นส่วนประกอบที่อยู่ในเส้นเอ็น ข้อต่อ กระดูกอ่อน ผนังหลอดเลือด ผิวหนัง เส้นขน และเล็บ ซึ่งมีคอลลาเจนเป็นโปรตีนเกลียวเป็นส่วนประกอบถึง 75% ของเนื้อเยื่อเหล่านี้ ดังนั้นโรคที่เกี่ยวข้องกับความเสื่อม จึงมีส่วนเกี่ยวกับการลดลงของระดับคอลลาเจนสะสม เช่น โรคสะโพกเสื่อม (Hip Dysplasia), เอ็นหัวเข่าเลื่อน (Patellar Luxation) รวมถึงหลอดลมตีบ

จากการวิจัยสุนัขที่มีอาการเหล่านี้ พบว่าระดับคอลลาเจนในเนื้อเยื่อเหล่านั้นลดลง ไม่ว่าจะเกิดดจากกรรมพันธุ์ หรือการเสื่อมตามอายุ (Degeneration) จึงทำให้ร่างกายสุนัขเกิดอาการต่างๆ เช่น ลุกนั่งลำบาก ไม่อยากลุกเดิน มีขนที่หยาบกระด้าง ผิวหนังที่แห้งขาดความยืดหยุ่น รวมถึงสุนัขพันธุ์หน้าสั้น กับพันธ์ุที่มีความเสี่ยงของโรคหลอดลมตีบ จะมีอาการหายใจลำบาก หรือนอนแล้วมีเสียงกรนเป็นต้น

สุนัขต้องมีลักษณะแบบไหนถึงควรทานคอลลาเจน

  • สุนัขทุกสายพันธุ์มีความเสี่ยงที่จะเกิดภาวะข้อต่อเสื่อม
  • สุนัขที่เลี้ยงในบ้านที่มีพื้นลื่น เช่น กระเบื้อง หรือ หินปาร์เก้
  • สุนัขที่มีความเสี่ยงต่อโรคหลอดลมตีบ เช่น ปั๊ก, ปอมเมอร์เรเนี่ยน, บูลด๊อก และ ชิสุห์
  • สุนัขที่ปัญหาเรื่องขน ผิวหนัง และภูมิแพ้

วิธีการให้คอลลาเจน

การให้คอลลาเจนจะให้ตามสัดส่วนน้ำหนักของสุนัข โดยมีวิธีการทานดังนี้

1 ช้อนตวงสำหรับสุนัขที่มีน้ำหนักตัวไม่เกิน 5 กก.
2 ช้อนตวงสำหรับสุนัขที่มีน้ำหนักตัวระหว่าง 5-10 กก.
3 ช้อนตวงสำหรับสุนัขที่มีน้ำหนักตัวระหว่าง 11-15 กก.
4 ช้อนตวงสำหรับสุนัขที่มีน้ำหนักตัวระหว่าง 16-20 กก.
5 ช้อนตวงสำหรับสุนัขที่มีน้ำหนักตัว 20 กก. ขึ้นไป

ในกรณีที่สุนัขมีอาการป่วย ให้เพิ่มปริมาณคอลลาเจนเป็น 2 เท่าของปริมาณปกติ ต่อเนื่องไป 3 สัปดาห์ หลังจากนั้นจึงกลับมาให้คอลลาเจนในปริมาณปกติ

ในกรณีข้อเสื่อมสามารถให้คอลลาเจนคู่กับยาแก้ปวดและยาบำรุงข้อได้

Pin It on Pinterest